จากเหตุการณ์สะเทือนใจ น.ส.จุฬารัตน์ โทวันนา อายุ 27 ปี ครูสาว ถูกคนร้ายบุกฆ่าปาดคอเเสียชีวิตศพเปลือยในห้องเช่าไม่มีชื่อ ถนนสุดบรรทัดซอย 8 เขตเทศบาลเมือง อ.แก่งคอย โดยเบื้องต้นมีพยานระบุว่าได้ยินเสียงผู้หญิงกรีดร้องตอนกลางดึกวันที่ 2 ก.ค. กระทั่งรุ่งเช้าเพื่อนมาเคาะห้องไม่มีเสียงตอบ พอเปิดดูก็พบว่ากลายเป็นศพถูกฆ่า
ต่อมามีรายงานข่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจเตรียมขออนุมัติหมายจับผู้ต้องสงสัยรายหนึ่ง ระบุว่าชื่อนายชาตรี ร่วมสูงเนิน อายุ 27 ปี เป็นคนงานที่พักอยู่ห้องข้างๆของผู้ตาย โดยเจ้าหน้าที่คุมตัวมาสอบสวนเมื่อกลางดึกที่ผ่านมา และพบว่ามีแผลเหมือนรอยเล็บข่วนที่มือซ้าย และตามลำตัว อย่างไรก็ตาม หลังข่าวนี้ออกไป ปรากฏว่ามีชาวบ้านนับพันคนแห่ไปที่หน้าห้องพักของนายชาตรี จนเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องเข้าไปควบคุมสถานการณ์ไม่ให้บานปลาย
มีรายงานเปิดเผยว่า นายชาตรี ผู้ต้องสงสัยได้รับสารภาพว่าอยู่ห้องเช่าห้องตรงข้าม และแอบชอบและแอบมองผู้ตายมานาน เพราะเป็นคนหน้าตาดี และวันเกิดเหตุรู้ว่าห้องผ้ตายลูกบิดประตูห้องเสีย จึงฉวยโอกาสเข้ามาบังคับข่มขืน แต่เหยื่อต่อสู้ จึงใช้มีดฆ่าปาดคอจนเสียชีวิต นอกจากนี้ยังพบว่าเคยต้องโทษคดีขืนใจเมื่อปี 2556 และเพิ่งพ้นโทษออกมาเมื่อปี 2558
พล.ต.ต.รณศิลป์ ภู่สาระ รองผบช.ภาค 1 กล่าวว่า จากการสอบปากคำนายชาตรีให้การรับสารภาพในเบื้องต้นว่าเป็นผู้ลงมือ อย่างไรก็ตาม ตำรวจต้องเก็บหลักฐานทางวิทยาศาสตร์อื่นๆมาประกอบ เพื่อขออนุมัติหมายจับนายชาตรี โดยเฉพาะสอบปากคำพยานหลายคนที่ยืนยันว่าเมื่อคืนวันที่ 1 ก.ค.ที่ผ่านมา ยังไม่พบว่านายชาตรีมีบาดแผลที่มือ จนช่วงเช้าวันที่ 2 ก.ค. เพื่อนพบว่าผู้ต้องมีบาดแผลรอยข่วนหลายแห่ง นอกจากนี้ยังพบเสื้อผ้าที่ผู้ต้องหาใส่วันก่อเหตุ ถูกซักตากอยู่ภายในห้อง นอกจากนี้ยังต้องรอผลตรวจดีเอ็นเอ จากเล็บของผู้ตาย เพราะมีชิ้นเนื้อของผู้ต้องหาติดอยู่ว่าตรงกับนายชาตรีหรือไม่
ล่าสุดต้องช็อกหนักกันเข้าไปอีกหลังมีชาวเน็ตรายหนึ่งได้ออกมาโพสต์ข้อความใต้ภาพไว้อาลัยของครูสาวคนดังกล่าว โดยอ้างว่า "ข่มขืนแล้วฆ่าปดคอกุก็รับไม่ได้แล้วพอมารู้ว่าครูตั้งท้องได้2เดือนกุใจแทบสลายสงสารพ่อแม่ครูแฟนครูมาก" ก่อนมีชาวเน็ตอีกรายมาถามว่า "ครูท้องด้วยหรอ***" โดยเขายืนยันว่า "ใช่พี่เพื่อนครูเขาบอก"
*** อย่างไรก็ตามข้อความดังกล่าวถือเป็นเพียงคำกล่าวอ้างของชาวเน็ตรายหนึ่ง เพียงเท่านั้น! และยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าเธอท้องจริงหรือไม่อย่างไร และต้องรอการพิสูจน์ในอีกต่อไป และถ้าหากมันเป็นเรื่องจริงก็ถือเป็นเรื่องที่เศร้าสลดอย่างมากเลยทีเดียว
http://www.siamupdate.com/news-183559
